สารบัญ
1. ประวัติความเป็นมา
2. ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต (Internet Advantage)
1. การติดต่อสื่อสาร (Communication)
ประโยชน์ด้านการติดต่อสื่อสาร คือ การทำให้คนสองคน หรือหลายคนสื่อสารกันได้โดยง่าย ใช้สื่อที่มีทั้งภาพ เสียง วิดีโอ การไลฟ์สดและแบ่งปันคลิปวิดีโอ การถ่ายทอดเสียง ทำอัลบั้มภาพ แบ่งปันสาระผ่านบล็อก ข้อมูลสารสนเทศผ่านเว็บไซต์องค์กร โพสต์ชีวิตในเฟสบุ๊ค ไอจี ยูทูป หรือติ๊กตอก จนพัฒนาไปถึงการสอนออนไลน์ ประชุมออนไลน์จนกลายเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน
2. การศึกษา (Education)
ประโยชน์ด้านการศึกษา คือ ทำให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา นักวิจัย ผู้เรียน ผู้สอน และประชาชนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง เข้าถึงสื่อ สืบค้นข้อมูล สร้างสื่อออนไลน์มีรูปแบบที่หลากหลายและแบ่งปัน ครูและนักเรียนสื่อสารกัน รับส่งเอกสาร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ จัดประชุมวิชาการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เข้าถึงฐานข้อมูลด้านการศึกษาได้ทั่วโลก
3. การค้า (Commerce)
ประโยชน์ด้านการค้า คือ ผู้ซื้อ และผู้ขายพบกันได้ง่ายขึ้น ต้องการอาหารก็กดสั่ง food panda หรือ grab food ต้องการซื้อขายข้าวแกง ไม้จิ้มฟันยันเรือรบก็ใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันที่ใครก็ทำได้ โพสต์ขายในสื่อสังคมในกลุ่มหรือขายให้เพื่อนก็สะดวก มีระบบชำระเงิน ระบบขนส่งสินค้าเชื่อมโยงกับ lazada หรือ shopee ทำให้มีลูกค้าสั่งซื้อได้จากทั่วโลก รองรับทั้ง C2C จนถึง G2C
4. ความบันเทิง (Entertainment)
ประโยชน์ด้านความบันเทิง คือ การสนองความต้องการในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เพลง ภาพยนตร์ ภาพถ่าย เกม ข้อมูล โปรแกรม รองรับการมีปฏิสัมพันธ์ สร้างตัวตนในโลกเสมือนจริง พร้อมการพัฒนาอุปกรณ์ที่รองรับความเสมือนจริงเหล่านั้น ทั้ง VR AR และ MR
3. เอกสารจาก Nectec
|
อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter และ net
1. อินเทอร์ (Inter) คือ ระหว่าง หรือท่ามกลาง
2. เน็ต (Net) คือ เครือข่าย (Network)
อินเทอร์เน็ต (Internet)
คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย รวมเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งโลก
คือ เครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย
คือ การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย
คือ เครือข่ายของเครือข่าย
ข้อมูลจากหนังสือดี
+ Internet starter kit (Adam C.Engst | Corwin S. Low | Michael A. Simon)
+ เปิดโลกอินนเทอร์เน็ต (สมนึก คีรีโต | สุรศักดิ์ สงวนพงษ์ | สมชาย นำประเสริฐชัย)
+ User's Basic Guide to the Internet (สำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล)
+ The ABCs of The Internet (Srisakdi Charmonman,Ph.D. ...)
|
ใช้ข้อมูลจากเว็บหน้านี้ไปอบรมเรื่อง Internet คืออะไร ที่โรงเรียนบุญวาทย์ วิทยาลัย ลำปาง
(หากมีสิ่งใดผิดพลาด หรือไม่ถูกต้อง ขอได้ชี้แนะมายังทีมงาน เราจะรีบตรวจสอบ และแก้ไขในทันที - E-Mail)
ผังแสดงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet)
|
ประวัติความเป็นมา
อินเทอร์เน็ต คือ การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ตามโครงการของอาร์ป้าเน็ต (ARPAnet = Advanced Research Projects Agency Network) เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ (U.S.Department of Defense - DoD) ถูกก่อตั้งเมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา
ค.ศ.1969(พ.ศ.2512) อาร์ป้าเน็ตได้รับทุนสนันสนุนจากหลายฝ่าย และเปลี่ยนชื่อเป็นดาป้าเน็ต (DARPANET = Defense Advanced Research Projects Agency Network) พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบาย และได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิดจาก 4 เครือข่ายเข้าหากันเป็นครั้งแรก คือ 1)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลองแองเจอลิส 2)สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด 3)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาบาร่า และ4)มหาวิทยาลัยยูทาห์ เครือข่ายทดลองประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีค.ศ.1975(พ.ศ.2518) จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งานจริง ซึ่งดาป้าเน็ตได้โอนหน้าที่รับผิดชอบให้แก่หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency - ปัจจุบันคือ Defense Informations Systems Agency) แต่ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหารเครือข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society) ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ในอินเทอร์เน็ต, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ใช้กับอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการทำงานโดยอาสาสมัครทั้งสิ้น
ค.ศ.1983(พ.ศ.2526) ดาป้าเน็ตตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ จึงเป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน เพราะ TCP/IP เป็นข้อกำหนดที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในโลกสื่อสารด้วยความเข้าใจบนมาตรฐานเดียวกัน
ค.ศ.1980(พ.ศ.2523) ดาป้าเน็ตได้มอบหน้าที่รับผิดชอบการดูแลระบบอินเทอร์เน็ตให้มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation - NSF) ร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน
ค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เริ่มใช้การกำหนดโดเมนเนม (Domain Name) เป็นการสร้างฐานข้อมูลแบบกระจาย (Distribution Database) อยู่ในแต่ละเครือข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ช่วยจัดทำฐานข้อมูลของตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์เหมือนแต่ก่อน เช่น การเรียกเว็บไซต์ www.yonok.ac.th จะไปที่ตรวจสอบว่ามีชื่อนี้ในเครื่องบริการโดเมนเนมหรือไม่ ถ้ามีก็จะตอบกับมาเป็นหมายเลขไอพี ถ้าไม่มีก็จะค้นหาจากเครื่องบริการโดเมนเนมที่ทำหน้าที่แปลชื่ออื่น สำหรับชื่อที่ลงท้ายด้วย .th มีเครื่องบริการที่ thnic.co.th ซึ่งมีฐานข้อมูลของโดเมนเนมที่ลงท้ายด้วย th ทั้งหมด
ค.ศ.1991(พ.ศ.2534) ทิม เบอร์เนอร์ส ลี (Tim Berners-Lee) แห่งศูนย์วิจัย CERN ได้คิดค้นระบบไฮเปอร์เท็กซ์ขึ้น สามารถเปิดด้วย เว็บเบราวเซอร์ (Web Browser) ตัวแรกมีชื่อว่า WWW (World Wide Web) แต่เว็บไซต์ได้รับความนิยมอย่างจริงจัง เมื่อศูนย์วิจัย NCSA ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เออร์แบน่าแชมเปญจ์ สหรัฐอเมริกา ได้คิดโปรแกรม MOSAIC (โมเสค) โดย Marc Andreessen ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์ระบบกราฟฟิก หลังจากนั้นทีมงานที่ทำโมเสคก็ได้ออกไปเปิดบริษัทเน็ตสเคป (Browser Timelines:
Lynx 1993, Mosaic 1993, Netscape 1994, Opera 1994, IE 1995, Mac IE 1996, Mozilla 1999, Chimera 2002, Phoenix 2002, Camino 2003, Firebird 2003, Safari 2003, MyIE2 2003, Maxthon 2003, Firefox 2004, Seamonkey 2005, Netsurf 2007, Chrome 2008)
ในความเป็นจริงไม่มีใครเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต และไม่มีใครมีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ ผู้ติดสิน ผู้เสนอ ผู้ทดสอบ ผู้กำหนดมาตรฐานก็คือผู้ใช้ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ก่อนประกาศเป็นมาตรฐานต้องมีการทดลองใช้มาตรฐานเหล่านั้นก่อน ส่วนมาตรฐานเดิมที่เป็นพื้นฐานของระบบ เช่น TCP/IP หรือ Domain Name ก็จะยึดตามนั้นต่อไป เพราะอินเทอร์เน็ตเป็นระบบกระจายฐานข้อมูล การจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลพื้นฐานอาจต้องใช้เวลา
|
ข้อมูลจาก http://www.computerhistory.org/exhibits/internet_history/
และ http://www.sri.com/about/timeline/arpanet.html
Arpanet : The Internet as you know it today, and through which you are accessing this information, had its beginnings in the late 1960s as the "ARPANET". Started by the U.S. Department of Defense Advanced Research Projects Agency (now DARPA), the entire network consisted of just four computers linked together from different sites to conduct research in wide-area networking. SRI, then known as the Stanford Research Institute, hosted one of the original four network nodes, along with the University of California, Los Angeles (UCLA), the University of California, Santa Barbara (UCSB), and the University of Utah. The very first transmission on the ARPANET, on 29th October 1969, was from UCLA to SRI.
| | |
Webserver
ค.ศ.1989 Tim Berners-Lee เริ่มโครงการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารแบบข้อความที่มีปฏิสัมพันธ์กัน (Hypertext) แก่บริษัท CERN ทำงานบน NeXTSTEP OS ระหว่าง ค.ศ. 1991 1994 พอปี ค.ศ.1994 ก็ตั้ง W3C เพื่อพัฒนามาตรฐานอื่น ๆ อาทิ HTTP , HTML
โปรแกรมที่พัฒนาขึ้น
- Web Browser
- Web Server
Mosaic เป็น Web Browser ที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลายในราวปีค.ศ.1993 ด้วยความสามารถที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลในแบบภาพกราฟฟิกและสื่อผสมได้ง่าย สำหรับ world wide web
พัฒนาโดย Marc L. Andreessen และ Eric J. Bina ขึ้นที่ The national center for supercomputing application (NCSA)
+ รายชื่อเว็บบราวเซอร์ (Web browser lising)
|
เวิลด์ไวด์เว็บเข้าเบญจเพส (itinlife441)
เวิลด์ไวด์เว็บ (www = world wide web) คือพื้นที่เก็บข้อมูลข่าวสารและเผยแพร่ที่เชื่อมต่อกันทางอินเทอร์เน็ต มักเรียกอย่างสั้นว่าเว็บ มีกำเนิดปีพ.ศ. 2532 โดย Tim Berners-Lee และใช้เครื่อง NeXT เป็นเครื่องบริการเว็บ (Web server) เครื่องแรกของโลก ผ่านโปรโตคอล HTTP เมื่อนับอายุถึงปัจจุบันก็ได้ 25 ปี ซึ่งคนไทยเชื่อว่าย่างเข้าเบญจเพส กำลังเป็นหนุ่มเป็นสาวเต็มที่ แต่ความนิยมของ www ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเกิดขึ้นมาแล้วนับร้อยปี เพราะมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนไปตลอดเวลา ที่มีทั้งด้านบวกและลบควบคู่กันไป
แม้จะรับรู้กันว่ามนุษย์เข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย จากข้อมูลกลางปี 2555 พบว่ามีเพียงร้อยละ 34.3 ที่ได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากผู้ใช้ 2.4 พันล้านคนจากประชากร 7 พันล้านคน ซึ่งหลายคนเชื่อว่าอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตจะไม่ลดลง การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ได้มีเฉพาะมนุษย์เท่านั้น แต่พบว่าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ไม่ได้เกิดจากการกระทำของมนุษย์โดยตรงมีสูงกว่าร้อยละ 60 ของผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์ หรือ 1.45 พันล้านบอท (bots) จากรายงานในบล็อกของ incapsula.com ซึ่งมีพฤติกรรมที่คุ้นเคย เช่น ขูดเอาอีเมล (Scraper) ส่งสแปม (Spam) แฮกระบบ (Hacking tools) ปลอมตัวเป็นคน (Impersonators) แม้จะมีความพยายามป้องกันในทุกวิถีทาง แต่ก็มีผู้ไม่ประสงค์ดีพยายามหลบหลีกการป้องกันเหล่านั้นมาให้ได้เห็นอยู่เสมอ
การใช้งานอินเทอร์เน็ตแบ่งกลุ่มการใช้งานได้ 4 กลุ่มคือ การสื่อสาร การค้า การศึกษา และความบันเทิง ปัจจุบันพบว่าสถิติการใช้เพื่อการสื่อสารสูงเป็นอันดับหนึ่ง พบรายงานการใช้ line และ facebook ของคนไทยสูงขึ้นเป็นปรากฎการณ์ ส่วนความบันเทิงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน พบว่า The Intelligence Group รายงานผลสำรวจว่าปลายปี 2556 มีวัยรุ่น 14 -- 18 ปีจำนวน 3 ใน 4 ที่สหรัฐอเมริกาใช้ youtube สม่ำเสมอกว่า facebook แต่ถ้าอายุ 24 ปีขึ้นไปยังใช้ facebook สูงกว่า ส่วนอันดับสามคือ iTunes ให้บริการฟังเพลงบนอุปกรณ์ของ Apple เช่น iPhone หรือ iPod หรือ iPad อันดับสี่คือ instagram ซึ่งสถิตินี้ตอกย้ำว่าการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงยังครองตลาดผู้บริโภคในปัจจุบันอย่างเด่นชัด ในกลุ่มวัยรุ่นไทยก็อาจมีสถิติที่ใกล้เคียงกัน อินเทอร์เน็ตจะยังได้รับความนิยมตราบเท่าที่มนุษย์ชื่นชอบการสื่อสาร และความบันเทิง
+ http://www.emarketer.com/Article/
+ http://thumbsup.in.th/2014/02/teen-youtube-over-facebook/
+ http://www.incapsula.com/blog/bot-traffic-report-2013.html
+ http://www.thecultureist.com/2013/05/09/
+ http://motherboard.vice.com/blog/
+ http://edition.cnn.com/2014/03/12/tech/
|
|